วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

พระอริคุณาธาร (เส็ง ปุสโส) กล่าวถึง ธรรมกาย

พระเกจิสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
กล่าวถึง  ธรรมกาย

พระอริคุณาธาร (เส็ง  ปุสโส)
เคยกล่าวเกี่ยวกับ พระธรรมกาย..ใว้ในหนังสือ ..ทิพยอำนาจ..ดังนี้

  " พระธรรมกาย
ได้แก่ พระกายอันบริสุทธิ์. ไม่สาธารณะทั่วไปแก่เทวดาและมนุษย์ หมายถึง พระจิตที่พ้นจากอาสวะแล้ว เป็นพระจิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง

มีพระรัศมีแจ่มจ้า เปรียบเหมือนดวงอาทิตย์อุทัยใขแสง ในนภากาศฉะนั้น พระธรรมกายนี้ เป็นพระพุทธเจ้าที่จริงแท้ เป็นพระกายที่พ้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย และทุกข์โศกทั้งหลายได้จริง

  เป็นพระกายที่เที่ยงแท้ ถาวรไม่สูญสลาย
 เป็นอยู่ชั่วนิรันดร์ เป็นที่รวมแห่งธรรมทั้งปวง.

 คือความเป็นพระอรหันต์ไม่สูญ5
ความเป็นพระอรหันต์นี้ ท่านจัดเป็นอินทรีย์ชนิดหนึ่ง เรียกว่า อัญญินทรีย์ เป็นสภาพที่คล้ายคลึง

 วิสุทธาพรหม ในสุทธาวาสชั้นสูง เป็นแต่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าเท่านั้น เมื่อมีอินทรีย์อยู่ ก็ย่อมจะบำเพ็ญประโยชน์ได้ แต่ผู้จะรับประโยชน์จากท่านได้

ก็จะต้องมีอินทรีย์ผ่องแผ้วเพียงพอที่จะรับรู้รับเห็นได้ เพราะอินทรีย์ของพระอรหันต์ ประณีตสุขุมที่สุด เป็นอินทรีย์แก้ว ตา หู จมูก ลิ้น กาย

 และใจของท่านเป็นแก้ว คือใสบริสุทธิ์ดุจแก้วมณีโชติ ผู้บรรลุถึงภูมิแก้วแล้ว ย่อมสามารถพบเห็นพระแก้ว คือ พระอรหันต์ที่นิพพานแล้วได้

 ความรู้เรื่องนี้ เป็นความรู้ลับในธรรมวินัย ผู้สนใจพึงศึกษาค้นคว้าต่อไป ถ้ารู้ไม่ถึงอย่าพึงค้าน อย่าพึงอนุโมทนา เป็นแต่จดจำเอาใว้

 เมื่อใดเหตุผลลงกันจึงอนุโมทนา ถ้ารู้ไม่ถึงแล้วด่วนวิพากษ์วิจารย์ ติเตียน จะเป็นไปเพื่อ บอดตาบอดญาณตัวเอง

ข้าพเจ้านำเรื่องนี้มาพูดใว้ ด้วยมีความประสงค์จะให้นักศึกษาพระพุทธศาสนา ช่วยกันค้นคว้าความรู้ ส่วนลึกลับของพระพุทธศาสนา ต่อไป

ที่มา......หนังสือ ทิพยอำนาจ
หน้า......509-512
เรียบเรียงโดย...
..พระอริคุณาธาร  (เส็งปุสโส)

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

เราเข้าวัดพระธรรมกายมาตั้งแต่อายุ6ปี (พ.ศ.2528) คุณแม่เป็นคนพาไปวัด การเข้าวัดตั้งแต่ยังเล็กทำให้เราไม่ค่อยชอบวัดสักเท่าไหร่ และรู้สึกอึดอัดด้วยซ้ำเวลาที่ต้องเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ทำไมถึงอึดอัด ก็เพราะว่า เวลาที่เพื่อนๆชวนไปเที่ยวสถานบันเทิงตอนกลางคืน เราไม่กล้าไปเพราะหลวงพ่อทั้ง2 และคุณยายจันทร์ สอนว่าไปในที่แบบนั้นมันไม่ดี เพื่อนๆชวนให้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลเราก็ไม่กล้าดื่ม เพราะที่วัดสอนว่ามันผิดศีล เพื่อนๆมีแฟนในช่วงวัยเรียน เราก็ไม่กล้ามี เพราะมีคำสอนของหลวงพ่อคอยวนเวียนอยู่ในหัว ว่ามันไม่สมควร เวลาผ่านเลยไปจนวันนี้เราอายุ38ปี ผ่านเรื่องราวมากมายในชีวิต เด็กน้อยอายุ6ขวบ ได้พบเจอเรื่องร้ายแรงต่างๆนาๆ คุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวมาเสียไปตอนอายุ14ปี บ้านที่แบ่งเป็นห้องเช่าเกือบ20ห้อง เป็นทั้งที่อยู่อาศัย และที่สร้างรายได้ให้กับเรา2คนแม่ลูกก็มาโดนไฟไหม้จนไม่เหลืออะไรเลย ในช่วงที่เราอายุ24ปี ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยแม้แต่ญาติพี่น้อง มีแต่วัดที่เราไม่ค่อยจะชอบนี้แหละ ยื่นมือเข้ามาช่วยเป็นคนแรก ให้เสื่อผ้าที่อยู่อาศัย และเงินไว้ให้พอประทังชีวิต เวลาที่เจอกับปัญหาหนักๆทุกข์ทรมานมาก ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็มีแต่คนที่วัดกับหลวงพ่อทั้ง2ที่อยู่เคียงข้าง ท่านเคยพูดประโยคหนึ่งเอาไว้ว่า"ไม่ว่าลูกจะออกไปเจอสิ่งใดที่คอยทำร้ายให้ชอกช้ำ ให้กลับมาที่วัดนะลูก ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า ที่นี่คือบ้านของลูกอีกหลังหนึ่ง ไม่ว่าจะไปเจออัตราย หรือ เจอสิ่งที่ทำให้ทุกข์ใจสักแค่ไหน ลูกก็ยังมี บ้าน ให้กลับมาพักพิงเสมอนะลูกนะ" แม้ว่าท่านจะไม่ได้มาพูดกับเราตัวต่อตัว ท่านพูดในสภาช่วงปฏิบัติธรรมตอนเช้า คำพูดของหลวงพ่อในวันนั้นทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว จนถึงวันนี้ เราเป็นเจ้าของกิจการหลายอย่าง มีบ้านมีโรงงานมีทุกอย่าง เรามองย้อนกลับไปก็ได้แต่รู้สึกภูมิใจในตัวเอง ว่าเราประคับประคองชีวิตของเรามาได้ดีมาตลอด ไม่ใช่เด็กผู้หญิงใจแตก ไม่ใช่คนที่ทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ มีครอบครัวที่อบอุ่น สามารถดูแลคุณแม่ได้เป็นอย่างดี ให้ท่านได้สุขกายสบายใจ มีเงินทองใช่แบบสบายๆไม่ลำบาก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะคำสอนของหลวงพ่อทั้ง2และคุณยายอาจารย์ ที่สอนให้อดทนทำความดี สอนให้รู้จักแยกแยะดีชั่ว สอนให้ระงับใจไม่ให้ตามใจตัวเองทำในสิ่งที่สนุกแต่มันไม่สมควร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะ "วัดพระธรรมกาย"ค่ะ

สิ่งที่หลวงพ่อสอน

ตั้งแต่เล็กมา เราไม่ค่อยเข้าใจคำสอนของหลวงพ่อ ที่สอนว่า "คนเราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี" จนเมื่อเติบโตขึ้นก็ยังไม่เข้าใจ เราเข้าใจแต่ว่า คนเราเกิดมาต้องทำตามหน้าที่ คือ ทำงานหาเงิน เลี้ยงครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย และมุ่งมั่นทำตามสิ่งที่เราเข้าใจตลอดมา นั้นคือ การหาเงินให้มากๆ การหาเงินและวิธีคิดของเราก็เป็นเหมือนกับคนทั่วๆไป คือ รายได้ที่ได้มานั้นเราต้องเก็บไว้ให้มากๆ ไม่ให้ใคร ไม่เผื่อแผ่ใครทั้งนั้น เพราะทรัพย์ที่เราหามาได้นั้นเราหามาได้ด้วยความยากลำบาก พอคิดแบบนี้มากๆเข้า เวลาที่มีปัญหาเรื่องงาน เราก็จะเกลียด เกลียดทุกคนที่มาขวางหนทางการได้ทรัพย์ เรามีเหตุผลต่างๆนาๆที่จะมาสนับสนุนว่าตัวเราเองเป็นฝ่ายถูก คนหรืออุปสรรค ต่างๆเหล่านั้นตะหากที่เป็นฝ่ายผิด ใจเริ่มทุกข์ และทุรนทุรายมากขึ้นเรื่อยๆ และถึงแม้จะมีทรัพย์ สมบัติมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ เรากลับมองหาความสุขไม่เจอเลย ... ใจเลยคิดถึงที่วัดพระธรรมกาย คิดถึงหลวงพ่อ จากนั้นก็ค่อยๆฟังเทปบันทึกคำสอนของหลวงพ่อ ท่านสอนให้ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ท่านสอนให้มองโลกอย่างเข้าใจ อย่ามองในแง่ดี หรือมองโลกในแง่ร้าย ให้มองตามความเป็นจริง แล้วเราจะเข้าใจ ให้มองทุกคนว่าเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่าโกรธ อย่าเกลียดใคร เมื่อเราเข้าใจแล้ว เราจะสบายใจ และจะทำให้เราสามารถทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มากไป ไม่น้อยไป ให้จิตใจมีความสงบสุขเข้ามาแทนที่ มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป อย่าปล่อยปะล่ะเลย ให้ทำทุกอย่าง อย่างดีที่สุด แต่ถ้ามันยังไม่ได้ ก็ว่างเอาไว้ก่อน อย่าไปทุกข์กับมัน แล้วเริ่มต้นวิธีการใหม่ให้ถูกต้อง ที่เรายังทำสิ่งนั้นๆไม่สำเร็จนั้นก็เพราะว่า เรายังทำไม่ถูกวิธี เพราะถ้าถูกวิธีการแล้ว ต้อง"สำเร็จ"  ง่ายๆคือ ทำให้ดีที่สุดแล้ว "วาง" มันลง เมื่อได้ฟังกลับมาฟังคำสอนของหลวงพ่อ แบบไม่มีอคติ เราเริ่มเข้าใจคำสอนของท่านมากขึ้นเรื่อยๆ และชีวิตก็เริ่มมีความสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ